ถือว่าเป็นข่าวที่ครึกโครมดีทีเดียว นั่นคือข่าวที่คนไทยโดนหลอกลวงว่าจะได้ไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น แล้วโดนลอยแพค้างอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิกว่าพันคน แน่นอนว่าข่าวครั้งนี้หลายคนอาจจะมองว่าคนที่โดนหลอกนั่นน่าสงสาร แต่หลายคนก็ออกไปแนวทางสมน้ำหน้าคนที่โดนหลอกซะอย่างนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นอย่างนั้นเลย
ขายตรงคำที่หลอกหลอนคนไทย
ข่าวที่เกิดขึ้นต้องบอกเลยว่า “ขายตรง” ยังเป็นคำที่คอยหลอกหลอนคนไทยมาตลอดเวลา ทั้งขายตรงแบบหลอกลวงอย่างที่เป็นข่าว ขายตรงแบบหลอกกันไปฟังสินค้า ขายของที่แพงเกินกว่าคุณภาพ ขายตรงแบบขายประกันและอีกมากมาย ซึ่งการขายตรงที่ดีมีคุณภาพก็มีเหมือนกัน แต่ที่เป็นข่าวน้อยกว่ามาก จนทำให้คนไทยหลายคนเข็ดขยาดกับคำนี้ หลายคนถึงกับตัดความสัมพันธ์ก็เพราะคำนี้กันมาแล้ว
คนเราย่อมมีความหวังเสมอ
กลับมาที่ข่าวนี้กันบ้าง หลายคนอาจจะมองว่าคนที่โดนหลอกคือคนที่พลาดเอง โง่เอง ไม่อยากจะให้มองไปแบบนั้น เพราะต้องยอมรับว่าขายตรงเหล่านี้ มักจะหยิบเรื่องของความฝัน ความหวังของคนหยิบเอามาเป็นเป้าหมายที่หลายคนอยากทำ อย่างกรณีนี้การได้ไปญี่ปุ่นเป็นเป้าหมายที่หยิบมาเล่นกับความต้องการของคน ทีนี้บางคนอยากไปแต่ไม่มีโอกาส พอมีคนหยิบยื่นมาให้ด้วยเงื่อนไขที่พอจับต้องได้ ก็เลยเคลิ้มไปโดยขาดสติมองให้รอบด้าน
คนไม่รู้ไม่ได้หมายถึงว่า โง่
อีกตรรกะหนึ่งที่เราอยากจะแสดงความคิดเห็นในกรณีนี้ คงเป็นเรื่องของความไม่รู้ไม่ได้หมายถึงความโง่ บางคนอาจจะตั้งขอสังเกตว่าผู้เสียหายบางคนทำไมไม่เช็คให้ดีเสียก่อนว่า คนที่จะพาไปญี่ปุ่นนั้นเป็นพวกหลอกลวงหรือเปล่า เป็นของจริงไหม ทำไมไม่ไปตรวจสอบกับหน่วยงานของรัฐ และอีกมากมาย อันนี้ตอบแทนผู้เสียหายได้เลยว่า พอคนเราขาดสติแล้วการตรวจสอบก็อาจจะไม่ได้คิดถึง หรืออีกอย่างพวกต้มตุ๋นพวกนี้ก็อาจจะมีการแสดงหลักฐานเท็จบางอย่างว่าผ่านการตรวจสอบมาแล้ว เราก็เชื่อเลยไง
ภาครัฐเองก็สอดส่องได้ไม่ดีพอ
องค์ประกอบสุดท้ายก็คงต้องเป็นเรื่องของทางภาครัฐเอง ที่ตรวจสอบได้แบบไม่ถ้วนถี่มากพอ เพราะคนที่ผู้เสียหายต่างพากันหลงเชื่อนั้น ก็เป็นคลิปดังโซเชียลอยู่พักใหญ่ๆเลย ไม่น่าเชื่อเลยว่ามันจะรอดหูรอดตาไปได้ เพราะงั้นนี่ก็เป็นเคสที่ทางภาครัฐเองก็คงต้องเข้มงวดกว่านี้ เพื่อไม่ให้มีกรณีขายตรงหลอกลวงขึ้นมาอีก แต่ยังไงก็ขอชมทางการว่าสามรถจับกุมกลุ่มนี้มาตรวจสอบได้ไว โดยเฉพาะตัวต้นเหตุที่ได้ข่าวว่าจับกุมกันไปแล้วเรียบร้อย